ข่าวสาร

๑๗ มิถุนายน วันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก

17 มิถุนายน วันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก

World Day to Combat Desertification and Drought”

“วันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก World Day to Combat Desertification and Drought” ตรงกับวันที่ 17 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันที่กำหนดขึ้นเพื่อให้ประชากรทั่วโลกได้ตระหนักถึงภาวะวิกฤตของโลกที่กำลังเผชิญในปัจจุบัน โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ความเป็นมาของวันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก

เนื่องจากพบว่า ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของทั่วโลกถูกทำลาย และกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ซึ่งเห็นได้จากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น หรือสภาพอากาศแปรปรวน โดยส่วนใหญ่เกิดจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่าง ๆ ในภาคคมนาคมขนส่ง การอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า รวมถึงพฤติกรรมในการดำรงชีวิตประจำวันที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานอย่างสิ้นเปลือง ทั้งนี้ ปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งสร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศวิทยาและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์โดยตรง ดังนั้น เพื่อให้มนุษย์ได้ร่วมใจกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น องค์การสหประชาชาติจึงประกาศให้วันที่ 17 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก โดยเริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา เพื่อรณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้ประชากรโลกตระหนักและหันกลับมาใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับปัญหาภัยแล้งในประเทศไทย

มีปัจจัยที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภัยแล้งในปัจจุบัน และยังคงเกิดขึ้นทุกปีและเป็นปัญหาหลัก คือ

  1. ความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้น้ำในการดำรงชีวิตและใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ในขณะที่แหล่งเก็บกักน้ำมีจำกัด
  2. แหล่งเก็บกักน้ำตามธรรมชาติและที่สร้างขึ้นใหม่มีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อการเก็บกักน้ำซึ่งอาจเกิดจากข้อจำกัดของภูมิประเทศและการพัฒนาแหล่งน้ำที่ไม่เหมาะสม
  3. การทำลายป่าต้นน้ำลำธาร เช่น การตัดไม้ทำลายป่าทำให้ไม่มีต้นไม้ที่คอยดูดซับน้ำฝนลงสู่ใต้ผิวดินและยึดดินให้มีความมั่นคง จึงทำให้ขาดแคลนน้ำที่จะถูกปล่อยออกมาสู่ลำธารและลำน้ำในช่วงฤดูแล้ง
  4. การวางผังเมืองที่ไม่เหมาะสม เช่น การแบ่งพื้นที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างไม่เหมาะสม หรือไม่สอดคล้องกับแหล่งน้ำ รวมถึงขาดการบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสม
  5. ผลกระทบจากปรากฏการณ์ภาวะเรือนกระจก ทำให้ความร้อนสะสมอยู่ในอากาศใกล้ผิวโลกมากขึ้น ส่งผลให้อากาศร้อนกว่าปกติ
  6. การขาดจิตสำนึกในการใช้น้ำและการอนุรักษ์น้ำ เช่น การใช้น้ำไม่ประหยัด และมีการบุกรุกทำลายแหล่งน้ำ เป็นต้น

ดังนั้น ปัญหาภัยแล้งจึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนต้องร่วมกันดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการพัฒนาประเทศต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก รวมถึงการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ

การเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีความสมบูรณ์เพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ พร้อมทั้งใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อควบคุมการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า สิ่งสำคัญคือ ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญและดำเนินการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน มิใช่บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเฉพาะหน้าเป็นครั้งคราว หรือรณรงค์ให้ความสำคัญเฉพาะวันที่ 17 มิถุนายนของทุกปี เท่านั้น

แหล่งที่มา : สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุทัยธานี http://www.mnre.go.th/uthaithani/th/news/detail/89520