26 มิถุนายน วันสุนทรภู่
สุนทรภู่นั้น นับว่าเป็นผู้ตั้งแบบกลอนสุภาพขึ้น เดิมกระบวนแต่งบทกลอนในสมัยเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา มักแต่งเป็น ลิลิต โคลง ฉันท์ หรือกาพย์ สุนทรภู่เป็นผู้เริ่มเอากลอนเพลงยาวมาเเต่งเรื่องนิทานเรื่องโคบุตรในสมัยรัชกาลที่ 1 นอกจากนี้ยังเริ่มมีการเล่นสัมผัสในขึ้นในกระบวนกลอน ที่ถือเป็นแบบอย่างกันมาจนถึงวันนี้
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2529 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 200 ปีชาตกาลของสุนทรภู่ องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้สุนทรภู่ เป็นบุคคลสำคัญของโลกทางด้านวรรณกรรม นับเป็นสามัญชนชาวไทยคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้
แหล่งข้อมูล : สุนทรภู่. 2544. “นิทานคำกลอนสุนทรภู่ เรื่อง พระอภัยมณี” พิมพ์ครั้งที่ 16.กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร.
จินตนาการล้ำเลิศของสุนทรภู่
ในงานกวีของสุนทรภู่นั้น ท่านได้ถ่ายทอดจินตนาการของตนเป็นตัวละครและสิ่งต่างๆ อย่างวิจิตรพิสดาร ในนิทานหลากหลายเรื่อง ซึ่งทำให้วรรณกรรมของสุนทรภู่นั้น ทรงคุณค่า อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะอ่านในยุคสมัยใดก็ยังสัมผัสได้ถึงจินตนาการที่ยังคงน่าตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ
นางเงือก สัตว์ในจินตนาการของสุนทรภู่จากเรื่อง พระอภัยมณี นั้น มักจะถูกถ่ายทอดเป็นภาพในรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์หญิง และร่างกายท่อนล่างเป็นหางเหมือนกับปลา แต่ในเรื่องพระอภัยมณีนั้น คำบรรยายลักษณะของนางเงือก จากตอนที่ 132 “ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง” ได้บรรยายลักษณะของนางเงือกไว้ ดังนี้
เห็นมัจฉาภาวนาสติตั้งที่ริมฝั่งคงคาชลาสินธุ์
รูปเป็นนางหางเป็นปลาอยู่วารินนิสงส์ศีลดลพระทัยให้เมตตา
จำจะไปตัดหางปลาศรัทธามากประหลาดหลากกว่าสัตว์หมู่มัจฉา
ให้เป็นคนพ้นลำบากจากคงคาตัดหางปลาเสียให้หมดจะงดงาม….
……………………………..
นางมัจฉาฟังวาจาพระดาบสพลางกระถดผินหลังเอาหางหัน
แล้วหลับตามัธยัสถ์นิ่งกัดฟันในทรวงสั่นขวัญหนีดั่งตีปลา
มัฆวานทรงขยับจับพระขรรค์เข้าฟาดฟันบั่นหางนางมัจฉา
ขาดเป็นสินดิ้นสลบซบพักตราอยู่บนแท่นแผ่นผาคูหาบรรพ์
……………………………..
นางมัจฉาหางปลาก็หายสูญบริบูรณ์เป็นมนุษย์สุดสวยสม
ทั้งวงพักตร์ลักขณาก็น่าชมดูขำคมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์
จะเห็นได้ว่า นางเงือกในจินตนาการของสุนทรภู่นั้น รูปร่างเป็นมนุษย์ผู้หญิง ที่มีอวัยวะเหมือนมนุษย์ หากแต่เพียงมีอวัยวะพิเศษขึ้นมานั่นคือหาง ดังในบทกลอนข้างต้น ที่พระฤๅษีทำพิธีตัดหางนางเงือก และเมื่อตัดหางออกแล้ว นางเงือกก็มีรูปร่างเป็นมนุษย์เพศหญิงปกติ
แหล่งข้อมูล : สุนทรภู่. 2544. “นิทานคำกลอนสุนทรภู่ เรื่อง พระอภัยมณี” พิมพ์ครั้งที่ 16.กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร.
จินตนาการล้ำเลิศของสุนทรภู่
ต้นสรรพยา
นอกเหนือจากสัตว์วิเศษแล้ว พรรณไม้ที่มีฤทธิ์วิเศษก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สุนทรภู่ถ่ายทอดจินตนาการสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้อ่าน ดังเช่นต้นสรรพยา จากเรื่องสิงหไกรภพ ในตอนที่ 5 สิงหไกรภพลองยา หนีท้าวพินทุมาร เนื้อความกล่าวถึง สิงหไกรภพ ขณะมีอายุได้ 14 ปี ได้แอบเข้าไปยังคูหาทองของท้าวพินทุมาร ยักษ์ผู้เลี้ยงดูสิงหไกรภพ และได้พบกับต้นไม้ประหลาด มีกิ่งก้านสี่สีในต้นเดียวกัน และเมื่อได้กินใบไม้แต่ละสีแล้วก็เกิดสิ่งอัศจรรย์แก่ผู้กิน ดังความว่า
เราทั้งสองลองกินดูเถิดพี่ถ้าร้ายดีก็คงเห็นว่าเป็นไฉน
เจ้าพราหมณ์ฟังน้องตอบก็ชอบใจเข้าเด็ดใบแดงเคี้ยวทั้งสองคน
พอกลืนกายกลายเป็นนาคราชทำอำนาจเลื้อยไล่กันสับสน
นัยน์ตาแดงแผลงฤทธิ์คำรามรณภาษาคนก็ยังรู้อยู่ในใจ
…………………………………………………………
พระโฉมยงองค์สิงหไกรภพจึงเร้ารบให้พี่ขึ้นใบพฤกษา
เจ้าพราหมณ์ไปเก็บใบขาวนั้นมาแล้วเคี้ยวกินตรงหน้าพระน้องชาย
เป็นลิงลมโลดไล่กันในถ้ำแล้วกินนํ้ารูปนั้นจึงพลันหาย
เอาใบเขียวเคี้ยวตามรูปก็กลายเป็นนกแก้วแพรวพรายบินลำพอง
เอาน้ำกลืนคืนเป็นมนุษย์ได้เจ้าชอบใจสรวลสันต์กันทั้งสอง
แล้วเอาใบไม้เหลืองมากินลองเนื้อเป็นทองธรรมชาติสะอาดตา
แหล่งข้อมูล : สุนทรภู่. 2544. “นิทานคำกลอนสุนทรภู่ เรื่อง สิงหไกรภพ” พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.