ข่าวสาร

2 กุมภาพันธ์ วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก

วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก
World Wetlands Day, 2 February 2022 Wetlands Action for People and Nature

          2 กุมภาพันธ์ 2514 เป็นวันที่นานาชาติได้ร่วมยกร่างและลงนามรับรองอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่อยู่ของนกน้ำ ณ เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่าน จึงเป็นที่รู้จักกันในนามอนุสัญญาแรมซาร์ จากนั้นได้กำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น “วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก”

         ในวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ปี 2565 ได้มีการกำหนดหัวข้อหลัก “Wetlands Action for People and Nature” เพื่อแสดงให้เห็นความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีต่อคนและธรรมชาติ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูและหยุดยั้งการคุกคามพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetlands) ซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชื้นแฉะ พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น ทั้งที่เป็นแหล่งน้ำนิ่ง และน้ำไหล ทั้งที่เป็นน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม รวมไปถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่น้ำลดลงต่ำสุดไม่เกิน 6 เมตร
          สำหรับประเทศไทย พรุ (Peat swamp) จึงจัดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำประเภทหนึ่ง ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศ ที่ชาวบ้านทางภาคใต้ใช้เรียกบริเวณที่เป็นที่ลุ่มชุ่มชื้น มีน้ำจืดแช่ขังติดต่อกันเป็นเวลานานหรือชั่วนาตาปี และมีซากผุพังของต้นไม้และพันธุ์พืชที่ทับถมกันหนามาก เวลาเหยียบจะยุบตัวและมีความรู้สึกหยุ่นๆ คล้ายกับการเดินบนฟองน้ำ
กรณีพรุควนเคร็ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา และพัทลุง เป็นป่าพรุที่ใหญ่เป็น  อันดับ 2 รองจากป่าพรุโต๊ะแดงในจังหวัดนราธิวาส เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นฐานทรัพยากรชีวภาพที่สำคัญ เป็นที่อยู่อาศัยทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำที่หลากหลาย และมีพรรณพืชเฉพาะถิ่นที่สำคัญ โดยเฉพาะ “กระจูด” ที่ชาวบ้านรอบพรุได้เก็บหามาจักสานสร้างรายได้ นอกจากนี้ ยังมีการหาน้ำผึ้งป่า การจับสัตว์น้ำ และการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ วิถีชาวพรุควนเคร็งกับฐานทรัพยากรชีวภาพในพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้จึงไม่สามารถแยกออกจากกัน
           จึงไม่แปลกที่ชุมชนรอบพรุมีความผูกพันและหวงแหนแหล่งทรัพยากรที่มีคุณค่าจากพื้นที่ชุ่มน้ำเหล่านี้ นำไปสู่การดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากพรุอย่างยั่งยืน เชื่อมโยงความสัมพันธ์ คน-วิถีชุมชน-พื้นที่ชุ่มน้ำ-ธรรมชาติ
 แหล่งที่มา สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย