ข่าวสาร

14 มกราคม วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ

วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ
The National Forest Resource Conservation Day
 
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีหนังสือ ด่วนมาก ที่ กษ 0709/382 ลงวันที่ 4 มกราคม 2533 เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขออนุมัติให้วันที่ 14 มกราคม ของทุกปี เป็น  วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ โดยพิจารณาว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไภยในพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม  พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2484 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 

พระราชกำหนดดังกล่าวได้ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยความเห็นของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจสั่งการให้สัมปทานป่าไม้สิ้นสุดลงทั้งแปลงได้ อันเนื่องมาจากอุทกภัยภาคใต้ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2531 โดยเฉพาะที่ตำบลกระทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากจะทำให้ประชาชนได้รับความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งด้านจิตใจ และเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง  และคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการให้สัมปทานหวงห้ามทุกชนิด (เว้นสัมปทานทำไม้ป่าชายเลน) ตาม  พ.ร.บ. ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ทุกสัมปทานสิ้นสุดลงทั้งแปลง มีผลให้การทำไม้สัมปทาน จำนวน 276 ป่า เนื้อที่ 96,728,981 ไร่ ยุติลงโดยสิ้นเชิง ทำให้ต้นไม้ในป่าสัมปทานไม่ถูกตัดฟัน  และทำการอนุรักษ์ป่าไม้สำหรับใช้สอยในอนาคตได้ คิดเป็นเนื้อไม้โดยเฉลี่ยปีละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร  จนทำให้รัฐบาลได้รับคำชมเชยจากนานาประเทศเป็นอย่างมาก เพราะการระงับการทำไม้ดังกล่าว มีส่วนโดยตรงในการสนับสนุนมาตรการป้องกันมลภาวะของโลก 

อีกทั้งระหว่างวันที่  3 – 4  พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 พายุโซนร้อนเกย์ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดชุมพรอีกครั้งหนึ่ง จนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงมีพระราชดำรัส และพระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม  2532 โดยสรุปว่า “ทรงห่วงใยในสภาพแวดล้อมของประเทศ ขอให้แก้ไขอย่างจริงจังด้วยการเผาให้น้อยลงและปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น”

ดังนั้น  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงพิจารณาแล้วเห็นว่า ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่ง มาจากสาเหตุการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งถือเป็นปัญหาพื้นฐานที่สำคัญ จำเป็นต้องทำการรณรงค์อย่างต่อเนื่องและระยะยาวให้ประชาชนตระหนักและให้ความสำคัญต่ออันตรายและผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่า โดยรัฐต้องสร้างความสำนึกให้กับประชาชนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดไม้ทำลายป่า จึงขออนุมัติกำหนดให้วันที่ 14 มกราคม ของทุกปี เป็น “วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ” และ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2533 กำหนดให้วันที่ 14  มกราคม ของทุกปี เป็น “วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ”

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนระลึกถึงผลเสียที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งทำให้ประชาชนภาคใต้และภาคอื่นๆ เสียชีวิต และทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ยังจะได้ระลึกถึงมาตรการอันเด็ดขาดของรัฐบาลที่สั่งให้ปิดป่าระงับการทำไม้ในป่าสัมปทาน โดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ

เพื่อให้การจัดงานวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมเจตนารมย์ของทางราชการ จึงสมควรได้รับการสนับสนุน ดังนี้

ภาคราชการ  จัดงานวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติขึ้นทุกจังหวัด เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของวันดังกล่าว ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น การจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ การบรรยายความรู้ในสถานศึกษา ประกวดวาดภาพป่าไม้ แจกเอกสารเผยแพร่ แจกกล้าไม้แก่ประชาชน ตลอดจนจัดประชุมชี้แจง แก่ประชาชนทั่วไป เชิญชวนให้ประชาชนงดเว้นการตัดไม้ทำลายป่า พร้อมทั้งร่วมกันปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ในทุกท้องที่

ภาคเอกชน  ประชาชนควรให้การสนับสนุนและเข้าร่วมกิจกรรมกับทางราชการ เท่าที่สามารถจะทำได้ ควรถือเอาวันที่ 14 มกราคม เป็นวัน ลด ละ เลิก การบุกรุกแผ้วถางป่าและตัดไม้ทำลายป่า และร่วมมือร่วมใจปลูกต้นไม้ขึ้นมาทดแทนที่ถูกตัดทำลายไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

แหล่งที่มา : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช